ส.อ.ท. เปิดยอดส่งออกรถยนต์ เม.ย. 2567 หดตัว
31 พฤษภาคม 2567
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน เม.ย.67 อยู่ที่ 70,160 คัน ลดลง 12.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่มีมูลค่าส่งออก 69,274.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการส่งออกรถยนต์ไฮบริดจ์ (PPV) ที่มีมูลค่ามากขึ้น
นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ทั้งหมดเดือนเมษายน 2567 มีทั้งสิ้น 104,667 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 11.02% จากการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อขายในประเทศที่ลดลง 5.03% และ 45.94% ตามลำดับสอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง
เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูงและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมติดลมมาหลายเดือน กำลังซื้อยังเปราะบาง และลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ที่ 24.34%
- โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - เมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 518,790 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ที่ 17.05%
- ส่วนยอดผลิตรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มีจำนวน 193,239 คัน เท่ากับ 37.25% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ที่ 12.11%
- รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนเมษายน 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 78.26%
- รถยนต์บรรทุก เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 66,477 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 13.95% และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 325,541 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ที่ 19.72%
- รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 65,752 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 12.50% และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 316,002 คัน เท่ากับ 60.91% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ที่ 20.08%
- รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 725 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 65.61% รวมเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 9,539 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ที่ 5.79%
ในขณที่การผลิตเพื่อส่งออก เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 71,928 คัน เท่ากับ 68.72% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 5.92% ส่วนเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 345,608 คัน เท่ากับ 66.62% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกัน 2.93%
ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 32,739 คัน เท่ากับร้อยละ 31.28 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 34.17% และเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 173,182 คัน เท่ากับ 33.38% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ที่ 35.71%
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 46,738 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ที่ 16.69% และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 21.49% จากการเข้มงวดในการอนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมาถึง 21.49% จนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซียแล้ว
เมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตซึ่งรัฐบาลก็ได้กระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนเมษายนแล้ว จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนเมษายน 2567 ส่งออกได้ 70,160 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 26.22% และลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 12.23% เพราะผลิตเพื่อส่งออกได้น้อยจากจำนวนวันทำงานน้อยในเดือนเมษายน ส่งออกเท่ากับ 97.54% ของยอดการผลิตเพื่อการส่งออก จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดอเมริกาเหนือและตลาดยุโรป
โดยรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนเมษายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 69,274.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 5.79%
ในขณะที่ ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนเมษายน 2567 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,041 คัน ลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 16.60%
เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 35,755 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้ว 36.30% โดยมีการจดทะเบียนใหม่มี 10,414 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว 68.02% ในขณะที่ เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 48,528 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้ว 58.41%
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2567
มีจำนวนทั้งสิ้น 167,334 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 187.38% ในขณะที่ ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 391,714 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 35.06%
ทั้งนี้ ส.อ.ท. อาจจะปรับเป้าการผลิตรถยนต์ปี 2567 ที่ 1,900,000 คัน ด้วยจากการที่หลายสำนักได้ปรับลดเป้าเศรษฐกิจประเทศลงจึงคิดว่ายอดขายในประเทศอาจจะต้องเอามาปรับลง แต่ก็ต้องดูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและแผนการลงทุนที่ล่าช้ามา 6 เดือน ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ส.อ.ท. จึงจะขอดูอีกที
ที่มาแหล่งข้อมูล : ข่าวหุ้น