บทความที่เป็นประโยชน์

รถไฟฟ้าจีนลาว โอกาสทางเศรษฐกิจของอาเซียน   

30 ตุลาคม 2564

รถไฟฟ้าจีนลาว

รถไฟจีนลาว โอกาสทางเศรษฐกิจอาเซียน

วันที่ 2 ธันวาคม 2564 จะมีการเปิดใช้รถไฟลาว-จีนอย่างเป็นทางการ หรือเรียกว่า “Boten-Vientiane Railway” ซึ่งเป็นการเปิดใช้บริการวันแรกที่ตรงกับวันชาติลาวครบรอบ 46 ปีของการสถาปนา “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” รวมระยะเวลาในการก่อสร้าง 6  ปีเต็ม

ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า  

 

ผลที่จะเกิดขึ้นจากเส้นทางรถไฟเส้นนี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจของลาวเท่านั้น แต่จะมีผลในหลายด้านต่อ

1. การค้าทั้งลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์  โดยธนาคารโลกประเมินว่า การค้าจีนกับอาเซียนจะ “เพิ่มขึ้น 200%” จาก 2 ล้านตัน (2016) เป็น 6.3 ล้านตันในปี 2030 และการค้าลาวกับจีน “เพิ่มขึ้น 350%” จาก 1.2 ล้านตัน (2016) เป็น 5.4 ล้านต้นในปี 2030

2. นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปี 2020 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาลาว 5 ล้านคน 21% ไปเวียงจันทน์ 10% ไปหลวงน้ำทา (5 แสนคน) ตามด้วยหลวงพระบาง และจังหวัดอื่นๆ 

ซึ่งจาการเปิดใช้บริการรถไฟลาว-จีนนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ “เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว” เป็น 10 ล้านคน (ประเมินโดยศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย) ในปี 2030 ที่สำคัญนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอีกด้วย

3. ลดต้นทุนการขนส่งการค้าผ่านแดน (Transit Trade) จะทำให้ต้นทุนการขนส่งจากเวียงจันทน์ไปคุนหมิงลดลง “40-50%” และจะลดต้นทุนผ่านแดนระหว่างคุนหมิงกับแหลมฉบัง “ลดลง 50%” ภายใต้เงื่อนไขว่าประเทศไทยมีรถไฟเชื่อมต่อจากรถไฟลาว-จีน

4. การลงทุนจะขยายตัวสูง FDI ที่เข้าไปลาวจะเป็นพลังงานไฟฟ้า เหมืองแร่ตามด้วยบริการและเกษตร และมีการคาดการณ์ถึงกลุ่มธุรกิจบริการ โรงพยาบาล ก่อสร้าง ที่ปรึกษาธุรกิจ งานเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และห้างสรรพสินค้าว่าจะมีการขยายตัวสูงเช่นกัน

5. มูลค่าการค้าเส้นทาง R3A มีสินค้าขนส่งไปบ่อเตน-โมหานเพิ่มมากขึ้น มี Mohan-Boten Economic Cooperation Zone, Boten SEZ, สถานีรถไฟร้าน Duty Free รวมไปถึงด่านหนองคาย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีโอกาสทางการค้าและการลงทุนมากกว่าจังหวัดอื่น” เพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟในแขวงเวียงจันทน์มีมากสุด 9 สถานี (ทั้งขนส่งคนและของ)

 

โอกาสที่จะเกิดขึ้น คือ ธุรกิจที่น่าลงทุนสำหรับคนไทย ภายใต้รถไฟลาว-จีน คือ

  1. กลุ่มสินค้า ที่ไปขายทั้งคุนหมิงและลาวที่ขยายตัวสูง ได้แก่ อาหารแปรรูป ผัก ผลไม้ ของใช้ภายในบ้าน อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร
  2. ธุรกิจปศุสัตว์แปรรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โคเนื้อ” ทั้งเป็นศูนย์กระจายสินค้าและตลาด รวมไปถึงการแปรรูปที่ด่านบ่อเตนโมหาน ยังสามารถส่งไปขายเวียดนามได้อีกด้วย ทั้งนี้ต้องทำแบบมาตรฐานที่ดี
  3. ธุรกิจบริการ กลุ่มธุรกิจนี้จะมีโอกาสขยายตัวสูงมาก เพราะเป็นธุรกิจต่อเนื่องจากธุรกิจอื่นและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา
  4. ธุรกิจตลาดผลไม้ไทย ร่วมมือกับตลาดในกรุงเวียงจันทน์เพราะผลไม้ส่วนใหญ่มาจากไทยและเวียดนาม ถ้าไทยช้าไปจะเสร็จผลไม้เวียดนาม
  5. ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง

 

แหล่งข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ

----------------------------

ติดต่อสอบถามบริการ BTL

02-681-2005 ถึง 9

www.bkkterminal.com

m.me/BangkokTerminalLogistics

.

#BTL #BTLLogistics #Logistics #Transportation

#ขนส่ง #ขนส่งผ่านแดน #Export #ส่งออก #การค้าชายแดน #การค้าผ่านแดน

<< กลับไปหน้าบทความ

บทความอื่นๆ