TTB เผย 70% ผู้ประกอบการถูกดิสรัป เร่งปรับตัวสู้ตลาดส่งออก
16 ตุลาคม 2567
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจของทีทีบี (ttb analytics) ระบุว่า 70% ของผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการดิสรัปชันและความท้าทายจากการแข่งขันในตลาดโลก ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการนำเข้าและส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นหลัก
ภาพรวมการส่งออกไทยและการดิสรัปชัน
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ได้ชี้ว่าการแข่งขันในตลาดโลกของภาคส่งออกไทยเริ่มลดลงเมื่อพิจารณาจากข้อมูลในระยะยาว โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าส่งออกไทยในตลาดโลกไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งที่สามารถพัฒนาคุณภาพและการผลิตของตนให้มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น ผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารแปรรูป ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดโลก แต่การพึ่งพาตลาดเดิม ๆ อย่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ความเสี่ยงในเชิงการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งคู่แข่งจากประเทศอื่น ๆ เริ่มเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดจากไทย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ
นอกจากนั้น อุตสาหกรรมที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีน เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งอย่างเวียดนามและมาเลเซียที่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมของตนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของไทยในสินค้ากลุ่มนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การส่งออกตู้เย็นที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 4.7% ในปี 2556 ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 3.3% เท่านั้น
ผลกระทบจากการทำข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ
นอกจากการแข่งขันในตลาดโลกแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติมคือ มาตรการด้านการค้าระหว่างประเทศที่เข้มข้นมากขึ้นถึงเกือบ 6 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางภาษีหรือมาตรการที่มิใช่ภาษี เช่น กฎหมายการทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) และมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับต้นทุนและข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นเมื่อทำการค้ากับประเทศเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ไทยยังคงเสียเปรียบด้านภาษีศุลกากรเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามและมาเลเซีย อัตราภาษีศุลกากรเฉลี่ยของไทยยังคงสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีการค้าระหว่างประเทศ
แนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย
จากการวิเคราะห์ของทีทีบี analytics ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การค้าเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดโลก
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ได้แบ่งผู้ประกอบการออกเป็น 4 กลุ่มตามระดับความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดต่างประเทศและการนำเข้าสินค้าจากจีน กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือ กลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกสูงและการนำเข้าสูง ซึ่งมีสัดส่วนผู้ประกอบการไทยอยู่ถึง 16% ของทั้งหมด กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เปราะบางอย่างยิ่ง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) ที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนเพื่อผลิตและส่งออกไปยังประเทศที่สามต่อไป หากไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มหรือขยายตลาดได้ ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้จะเผชิญกับความเสี่ยงจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น
อีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน คือ กลุ่มที่พึ่งพาการนำเข้าจากจีนสูง แต่มีการส่งออกน้อย ซึ่งคิดเป็น 12% ของผู้ประกอบการไทยทั้งหมด กลุ่มนี้เป็นอุตสาหกรรมที่นำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อรองรับตลาดภายในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและเครื่องจักร ซึ่งการนำเข้าสินค้าจากจีนมาทำการผลิตและขายเองในไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตจีน
กลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลางซึ่งคิดเป็น 40% ของผู้ประกอบการทั้งหมด คือ กลุ่มที่มีการพึ่งพาการส่งออกและนำเข้าจากจีนปานกลาง เช่น อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มนี้เริ่มเห็นการนำเข้าสินค้าจากจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว หากไม่สามารถขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น อุตสาหกรรมในกลุ่มนี้อาจต้องเผชิญกับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงในอนาคต
ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำซึ่งคิดเป็น 32% ของผู้ประกอบการไทยทั้งหมด คือ กลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกและการนำเข้าจากจีนในระดับต่ำ กลุ่มนี้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เนื่องจากใช้วัตถุดิบภายในประเทศเพื่อรองรับความต้องการในประเทศเป็นหลัก อุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าระหว่างประเทศน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ
บทสรุป
การส่งออกของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลกและการดิสรัปชันจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่ม ขยายตลาดใหม่ ๆ และลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากจีน หากผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวได้ทันและมีการบริหารจัดการที่ดี โอกาสในการอยู่รอดและแข่งขันในตลาดโลกก็จะเพิ่มมากขึ้น
ที่มาข้อมูล : Thai PBS