บทความที่เป็นประโยชน์

10 สินค้า GI ที่ทำรายได้จากการส่งออกสูงสุด ทุเรียน ครองแชมป์

1 กรกฎาคม 2567

ส่งออกสูงสุด ทุเรียน

GI ย่อมาจาก Geography Indication ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอีกหนึ่งประเภท ที่สามารถบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ได้ เป็นตราสัญลักษณ์ที่รับรองแหล่งที่มาและคุณภาพของสินค้าชุมชน ใช้กับสินค้าที่มีแหล่งเฉพาะ มีเอกลักษณ์ มีคุณภาพที่ดี เป็นการยืนยันว่าจะไม่สามารถสินค้าแบบเดียวกันจากแหล่งอื่นได้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีการเปิดลิสต์ 10 สินค้าจีไอ ที่ทำรายได้จากการส่งออกสูงสุด และ 10 สินค้าจีไอ สร้างรายได้ในประเทศสูงสุด และ เดินหน้าผลักดันสินค้าท้องถิ่นไทย สินค้าอัตลักษณ์ขึ้นทะเบียนจีไออย่างต่อเนื่อง

นางสาวกนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ( จีไอ) ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า จากการสำรวจข้อมูล พบว่า สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

อันดับ 1 ทุเรียนหมอนทองระยอง มีมูลค่า 15,645 ล้านบาท ตลาดสำคัญคือ จีน

อันดับ 2 ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา มูลค่า 4,890.2 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือ จีน และ มาเลเซีย

อันดับ 3 มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี มูลค่า 285 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือ จีน สหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส

อันดับ 4 มะม่วงน้ำดอกไม้สระแก้ว 107 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือ ฮ่องกง

อันดับ 5 มังคุดทิพย์พังงา มูลค่า 80.12 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือ จีน เวียดนาม

อันดับ 6 มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบางคล้า (จ.ฉะเชิงเทรา) มูลค่า 35 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น,

อันดับ 7 กล้วยหอมทองเพชรบุรี มูลค่า 24 ล้านบาท ตลาดสำคัญ ญี่ปุ่น

อันดับ 8 ส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตร มูลค่า 10.4 ล้านบาท ตลาดสำคัญ จีน

อันดับ  9 กล้วยตากบางกระทุ่มพิษณุโลก มูลค่า 10 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือ ซาอุดิอาระเบีย ซีเรีย ตุรกี บรูไน มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และนิวซีแลนด์

อันดับ 10 มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองพิษณุโลก มูลค่า 9.45 ล้านบาท ตลาดสำคัญ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และรัสเซีย

หรับสินค้าจีไอ ที่ขายดี และทำรายได้สูงสุดสำหรับตลาดในประเทศ 10 อันดับแรก ที่กรมได้รวบรวมข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศในปี 66 ได้แก่

อันดับ 1 ทุเรียนหมอนทองระยอง มูลค่า 20,530.8 ล้านบาท

อันดับ 2 ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา มูลค่า 6,661.2 ล้านบาท

อันดับ 3 น้ำตาลโตนดเมืองเพชร มูลค่า 4,813 ล้านบาท

อันดับ 4 กล้วยหอมทองปทุม มูลค่า 3,268 ล้านบาท

อันดับ 5 มะนาวเพชรบุรี มูลค่า 3,061.4 ล้านบาท

อันดับ 6 กุ้งก้ามกรามบางแพ (จ. ราชบุรี) มูลค่า 2,570 ล้านบาท

อันดับ 7 ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ มูลค่า 2,360.5 ล้านบาท

อันดับ 8 ข้าวหอมมะลิพะเยา มูลค่า 1,969.7 ล้านบาท

อันดับ 9 ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลา มูลค่า 1,579.2 ล้านบาท

อันดับ 10 มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว (จ.สมุทรสาคร) มูลค่า 1,460 ล้านบาท

สินค้าจีไอที่สร้างรายได้เข้าประเทศทั้งหมดเป็นสินค้าเกษตร เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของไทยอยู่แล้ว แต่การเป็นสินค้าจีไอ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ ส่วนสินค้าที่ยังมีมูลค่าส่งออกน้อย กระทรวงพาณิชย์ ทั้งทูตพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ และพาณิชย์จังหวัด ร่วมมือกันหาตลาดใหม่ๆ ให้กับสินค้าเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของนายภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เชื่อว่า จะสร้างรายได้จากการส่งออกได้อีกมากให้กับประเทศไทย

ที่มาแหล่งข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ

<< กลับไปหน้าบทความ

บทความอื่นๆ